บัตรประจำตัวประชาชนรุ่นที่ 1 มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า พับเป็น 4 ตอนคล้ายบัตรยืมหนังสือของห้องสมุดมีทั้งหมด 8 หน้า แต่ละตอนกว้าง 4 นิ้ว ยาว 3 นิ้ว ตัวบัตรใช้ได้ทั้ง 2 ด้านด้านหน้า (ปกหน้า) จะมีรูปครุฑและคำว่า "บัตรประจำตัวประชาชน" พร้อมเลขทะเบียนที่ออกบัตร ด้านหลัง(ปกหลัง) เป็นคำเตือนสำหรับผู้ถือบัตร ให้ระลึกถึงหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชนอาทิ เช่น ต้องพกบัตรติดตัว และ แสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้เสมอ ต้องขอเปลี่ยนบัตรเมือบัตรหมดอายุต้องแจ้งขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในบัตรเมื่อมีการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล หรือที่อยู่ เป็นต้น
หน้าที่ 1 ระบุข้อความว่า เลขทะเบียนที่ออกบัตร วันที่ออกบัตรออกให้ ณ ที่อำเภอ จังหวัด พร้อมปิดรูปถ่ายของผู้ถือบัตรขนาด 2 นิ้ว และมีลายมือผู้ถือบัตรและลาย พิมพ์นิ้วหัวแม่มือขวา
หน้าที่ 2 เป็นข้อมูลส่วนตัวของผู้ถือบัตร ได้แก่ ชื่อตัว ชื่อรอง ชื่อสกุล วันเดือน ปีเกิด อายุ ตำหนิแผลเป็น รูปพรรณเชื้อชาติ สัญชาติ ชื่อบิดา มารดา ชื่อภริยา หรือ สามี
หน้าที่ 3 เป้นข้อมูลทางทะเบียนราษฎร ได้แก่ ที่เกิด บ้านเลขที่ ตำบล อำเภอ จังหวัดประเทศที่อยู่บ้านเลขที่ ถนนหมู่บ้าน ตำบลอำเภอ จังหวัด อาชีพ และมีตราประจำตัวแหน่งพนักงานเจ้าหน้าที่
หน้าที่ 4-6 มีไว้สำหรับเจ้าหน้าที่เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงรายการของผู้ถือบัตร ลักษณะพื้นบัตร เป็นสีฟ้าอมเขียนว มีลายเทพพนมตลอดใบ ด้านหน้าและด้านหลัง ในแต่ละหน้าจะมีรูปแผนที่ประเทศไทย และรูปเรือสุพรรณหงส์กับวัดอรุณราชวรารามเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลางรูปประเทศไทย
บัตรประจำตัวประชาชนตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีอายุการใช้ 10 ปี เมื่อบัตรหมดอายุแล้ว ต้องทำคำร้องขอเปลี่ยนบัตรโดยเสียค่าธรรมเนีนมไม่เกิน 25 สตางค์ ส่วนบุคคลซึ่งจะต้องมีบัตรตามกฎหมาย คือ ผู้ที่มีอายตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์จนถึง 70 ปีบริบูรณ์ และกำหนดให้ยื่นคำร้อง ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ผู้นั้นต้องมีบัตรตามพระราชบัญญัตินี้พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พุทธศักราช 2505 กฎหมายที่บังคับให้คนไทยทั่วประเทศต้องมีบัตร
ติดตามดูรุ่นที่ 2 จนถึงรุ่นปัจจุบันได้ที่นี่ครับ ผมจะหาข้อมูลเพิ่มเติมให้เรื่อยๆครับ
ศาลาไทยไอทีขายเครื่องอ่านบัตรสมาร์ทการ์ด อ่านบัตรประชาชนความเร็วสูง ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา
บัตรประจำตัวประชาชนรุ่นที่ 2 ความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองโดยเฉพาะความเจริญของภูมิภาคส่งผลให้ราชการและประชาชนคนไทยต้องปรับตัวและปรับวิถีทางของความเป็นอยู่ให้สอดคล้องกันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นการติดต่อทางสังคมและเศรษฐกิจของประชาชนก็เปิดกว้างขวางขึ้นบัตรประจำตัวประชาชนรุ่นที่ 1 มีจุดด้อยในด้านการพกพา ทั้งนี้เนื่องจากมีลักษณะใหญ่เกินไป ทำให้เกิดความไม่สะดวก ต่อผู้ใช้จะต้องพกพาติดตัวไปด้วยเสมอ ประกอบกับลักษณะของบัตร หลักการและวิธีการทางกฎหมายในเรื่องการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนก็ล้าสมัยรัฐบาลในสมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชนให้เหมาะสมและให้สามารถบังคับใช้กับประชาชนทั่วประเทศ ในที่สุดจึงได้ออก"พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2505" ซึ่งให้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2506 เป็นต้นมา โดยการออกบัตรจะมี "กรมการปกครอง" เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการออกบัตรประจำตัวประชาชนทั่วประเทศสาระสำคัญที่แตกต่างในฉบับที่ พ.ศ. 2486 มีหลายประการ อาทิ เช่น กำหนดได้อย่างชัดเจนว่า ผู้ที่ต้องมีบัตรต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย อายุระหว่าง 17 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์ บัตรมีอายุ 6 ปี กำหนด ค่าธรรมเนียมในการออกบัตรหรือเปลี่ยนบัตรไว้ฉบับละ 5 บาท และให้ยกเลิกบัตรประจำตัวประชาชนรุ่นแรก เปลี่ยนมาใช้บัตรรุ่นใหม่แทน
ลักษณะของบัตร รุ่นที่ 2
-เป็นบัตรรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 6 เซ็นติเมตร ยาว 9 เซ็นติเมตร
-ด้านหน้าเป็นรูปตราครุฑ อยู่ตรงกลาง มีข้อความ "สำนักงานทะเบียนบัตรประจำตัวประชาชนกระทรวงมหาดไทย"
-วันที่ออกบัตรและวันหมดอายุบัตร
-ด้านหลังจะเป็นรายการของผู้ถือบัตร ประกอบด้วย รูปถ่าย ที่มีเส้นบอกส่วนสูง เป็นนิ้วฟุต ใต้รูปจะมีเลขและตัวอักษร แสดงถึงอำเภอที่ออกบัตรและเลขทะเบียนบัตรและตราประจำตำแหน่งเจ้าพนักงานออกบัตรปรากฎอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนด้านขวา จะมีชื่อตัวชื่อสกุล วันเดือนปีเกิด อายุ ที่ อยู่ ลายมือชื่อเจ้าพนักงานออกบัตร
บัตรประจำตัวประชาชนรุ่นที่สองนี้เป็นบัตรรูปขาว-ดำ รายการผู้ถือบัตรพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดธรรมดาคนไทยได้ทำ บัตรรุ่นนี้ตั้งแต่ปี 2506 จนถึงสิ้นปี 2530 รวม 24 ปี ประมาณไม่ตำกว่า 100 ล้านบัตรจึงเป็นที่รู้จักและแพร่หลายของคนไทยในช่วงระหว่างปีดังกล่าวพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พุทธศักราช 2526 พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2505 ถูกบังคับได้ประมาณ 21 ปี พบจุดอ่อนหลายประการข้อสำคัญตืออายุของผู้ที่จะต้องมีบัตรที่กำหนดไว้ 17 ปีบริบูรณ์ ไม่สัมพันธ์กับกฎหมายคุ่มคลองแรงงานประกอบกับกฎหมายฉบับนี้กำหนดการให้นับอายุตามปีพุทธศักราช ทำให้จำนวนปนะชาชนผู้ขอยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชน จะมายื่นทำบัตรกันมากในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีปัญหาทางกฎหมายทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง ในสมัยรัฐบาลที่มี พ.ศ.2505 และตรา "พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526" ขึ้นใช่บังคับแทน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2526
กฎหมายฉบับนี้มีข้อเด่นในเรื่องการปรับปรุงจุดอ่อนของกฎหมายฉบับก่อนได้แก่ การลดอายุของผู้ที่จะต้องมีบัตรขอมีบัตร จาก 17 ปีบริบูรณ์ เป็น 15 ปีบริบูรณ์เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มคลองแรงงานการนับอายุผู้ขอมีบัตร 15 ปีบริบูรณ์นับชนวัน เดือนปีเกิดของแต่ละบุตตล ซึ่งเป็นการนับอายุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นอกจากนั้น ได้ขยายระยะเวลาการขอมีบัตรเพิ่มจากเดิมที่กำหนดไว้ 90 วัน เป็น 90 วัน กำหนดให้บัตรที่ยังใช้ได้ในวันที่ผู้ถือบัตร มีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์สามารถใช้ได้ต่อไปจนกว่าผู้ถือบัตรจะเสียชีวิต กำหนดลักษณะความผิดเกี่ยวกับบัตรและบทลงโทษเพิ่มขึ้น และไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการขอมีบัตรครั้งแรกหรือขอมีบัตรใหม่เมื่อบัตรเดิมหมดอายุ การเปลี่ยนแปลง พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชนในครั้งนี้มิได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ และลักษณะของบัตรประจำตัวประชาชนแต่อย่างใด ลักษณะของบัตรยังคงเหมือนเดิมทุกประการ
บัตรประจำตัวประชาชนรุ่นที่ 3 : การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตบัตร ความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสูงขึ้น ทั้งประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นทั้งประเทศค่ายประชาธิปไตย ค่ายสังคมนิยม คอมมิวนิสต์ และ ค่ายประเทศที่สาม ทำให้บุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นทั้งในลักษณะของผู้เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมายและผู้อพยพหลบหนี เข้าเมืองโดยมิชอบ ความต้องการบัตรประจำตัวประชาชนในหมู่ของคนต่างด้าวเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในประเทศได้เยี่ยงคนไทย ก่อให้เกิดปัญหาการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนระบาดอย่างหนักนอกจากนี้ตัวแปรทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เริ่มเข้ามามีบทบาทในภาคเอกชนและราชการไทย สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องกระตุ้นให้มีการเรียกร้องปรับปรุงรูปโฉมของบัตรประจำตัวประชาชนได้สวยงาม ก้าวหน้า ทันสมัย และสามารถป้องกันการปลอมแปลงได้มากขึ้นด้วยเหตุนี้ คณะรัฐมลตรีในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ติรสูสานนท์เป็นนายกรัฐมลตรีจึงได้มีมติเมือวันที่ 30 เมษายน 2529 เห็นชอบโครงการปรับปรุงระบบการผลิตบัตรประจำตัวประชาชนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และอนุมัติให้ดำเนินการได้ ซึ่งมติคณะรัฐมลตรีดังกล่าว เป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกโฉมหน้าของบัตรประจำตัวประชาชน มาสู่ประเทศไทย
รูปแบบใหม่เป็นบัตรรุ่นที่ 3
ลักษณะของบัตร รุ่นที่ 3
- เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้าง 5.4 เซ็นติเมตร ยาว 8.4 เซ็นติเมตร ตัวบัตรจะเป็นสีขาวและมีลายพื้นเป็นสีฟ้าทั่วบัตรทั้งสองด้าน
- ด้านหน้าของบัตรมีรูปครุฑอยู่ตรงกลาง มีตัวอักษรคำว่า "บัตรประจำตัวประชาชน" อยู่ด้านบนครุฑ
- "กรมการปกครอง" อยู่ด้านช้ายคำว่า "กระทรวงมหาดไทย" อยู่ด้านขวาส่วนด้านล่างครุฑมีลายมือชื่อเจ้าพนักงาน ผู้ออกบัตร และ ตราประจำตำแหน่ง
- ด้านหลังของบัตรแถวบนสุดจะมีเลขประจำตัว 13 หลัก ซึ่งเป็นเลขชุดเดี่ยวกับที่ปรากฏในทะเบียนบ้านถัดมาจะมีเลข 8 หลัก ซึ่งเลข 2 หลักแรกบ่งบอกถึงรอบของการออกบัตร ส่วนเลข 6 หลักต่อมาหมายถึงลำดับที่ของการทำบัตร ถัด ลงมาด้านซ้ายจะมีรูปถ่ายของผู้ถือบัตรเป็นสีธรรมชาติ โดยมีเส้นแสดงส่วนสูงเป็นเซ็นติเมตร ส่วนด้านขวาจะมี รายการของผู้ถือบัตร ประกอปด้วยชื่อตัว ชื่ิอสกุล วันเดือนปีเกิด วันออกบัตร วันบัตรหมดอายุ และที่อยู่ลักษะที่ พัฒนาซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นของบัตรรุ่นนี้ คือรูปถ่ายผู้ถือบัตรเป็นรูปสี พิมพ์รายการผู้ถือบัตรด้วยเครื่องตอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่ มีการป้องกันการปลอมแปลงด้วยการเคลือบวัสดุป้องกันการปลอมแปลงชนิดพิเศษมีลายสัญลักษณ์รูปสิงห์ และคำว่า"กรมการปกครอง"ฝังอยู่ในเนื้อวัสดุไม่สามารถมองเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า การจัดเก็บข้อมูลผู้ถือบัตรและการตรวจสอบรายการบัตรเดิมถูกดำเนินการในรูปของฐานข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ บัตรประจำตัวประชาชนระบบนี้ เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2531 เป็นต้นมา
บัตรประจำตัวรุ่นที่ 4 : บัตรประจำตัวประชาชนไฺฮเทค การพัฒนาระบบการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนมิได้หยุดนิ่งแค่บัตร รุ่นที่สาม เท่านั้นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในยุคโลกาภิวัฒน์ประกอบกับความสมบูรณ์ของระบบฐานข้อมูลทะเบียนบัตรประจำตัวประชาชน และ แรงผลักดันในเรื่องการให้บริการประชาชน ก่อให้เกิดความคิดในการเปลี่ยนแปลงระบบการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนให้ทันสมัย ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้เสนอ "โครงการจัดทำระบบการให้บริการประชาชนทางด้านการทะเบียนและบัตรด้วยระบบคอมพิวเตอร์ฯ" โดยเป้าหมายหลัก ที่จะนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในการออกบัตรประจำตัวประชาชนอย่างสมบูรณ์แบบทั้งระบบเปลี่ยนแปลงรูปโฉมของบัตรให้ทันสมัย และเพื่อเป็นการปรับปรุงระบบ การให้บริการประชาชน ให้สะดวก รวดเร็ว และถูกต้องทั้งนี้การผลิตบัตรจะกระจายไปถึงสำนักทะเบียนแต่ละแห่ง ประชาชนที่มาทำบัตรสามารถรับบัตรได้ทันที ด้วยความเร็ว ภายในวันที่ติดต่อขอทำบัตร โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบรับ บ.ป.2 หรือ ใบเหลืองอีกต่อไป
บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) รุ่นที่ 3 : จำนวน 26 ล้านใบ เริ่มออกบัตรตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2554 มีคุณลักษณะของบัตร (spec) โดยรวมเหมือนกับรุ่นที่ 2 แต่จะเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (EEPROM) 80 Kbytes และยังมีการจัด เก็บข้อมูลของส่วนราชการอื่นเหมือนกับรุ่นที่ 2 แต่มีส่วนราชการอื่นเหมือนกับรุ่นที่ 2 แต่มีส่วนที่แตกต่างจากรุ่นเดิมอยู่บ้าง
โครงการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมลตรี เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2538 หลังจากติดตั้งระบบและให้บริการด้านทะเบียนราษฎรแล้วกรมการปกครองจึงสามารถเปิดระบบให้บริการจัด ทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่เป็นครั้งแรก ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองปทุมธานีและกรุงเทพมหานคร โดยถือปฐมฤกษ์ในวันที่ 5 ธันวาคม 2539 เพื่อเป็นสิริมงคลในวโรกาสฉลองปีกาญจนาภิเษกและเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านกฎหมายนั้นยังคงใช้ พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 เพื่อบริการประชาชนในการขอทำบัตรในกรณีต่าง สิ่งที่เพิ่มขึ้นมา เพื่อรองรับการจัดทำบัตรระบบใหม่ ได้แก่ การออกกฎกระทรวง กำหนดลักษณะของบัตร และการประกาศกำหนดพื้นที่ที่จะดำเนินการเท่านั้น
ลักษณะของบัตรรุ่นที่4
1.ลักษณะของบัตร ตัวบัตรทำด้วยพลาสติก มีความยืดหยุ่นและแข็งแรงขนาดมาตรฐานสากล (ISO) กว้าง 5.4 เซ็นติ-เมตร ยาว 8.6 เซ็นติเมตร หนา 0.76 มิลลิเมตร พื้นบัตรทั้งสอดงด้านเป็นสีขาว มีลายสีฟ้า
2.ด้านหน้าของบัตร มีรูปถ่ายเจ้าของบัตร พร้อมรายการเกี่ยวกับประวัติของเจ้าของบัตร ได้แก่เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ชื่อตัว ชื่อสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน หมู่โลหิต วันที่ออกบัตร วันที่ออกบัตร วันที่บัตรหมดอายุ และมีลายมือชื่อเจ้าพนักงานผู้ออกบัตร
3.ด้านหลังของบัตร มีคำว่า "บัตรประจำตัวประชาชน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย"รูปครุฑ และแถบแม่เหล็ก สำหรับบันทึกข้อมูลของเจ้าของบัตร นอกจากนี้จะมีรหัสกำกับบัตร ซึ่งเป็นชุดของตัวเลขผสมตัวอักษร เพื่อควบคุมกำกับการออกบัตร ของแต่ละสำนักทะเบียนด้วย
บัตรรุ่นใหม่นี้ เรียกกันว่า "บัตรประจำตัวประชาชนไฮเทค" เนื่องจากทุกขั้นตอนตั้งแต่การพิมพ์คำขอมีบัตร รายการบุคคลของผู้ขอมีบัตร ซึ่งรวมถึงภาพใบหน้า การลงลายมือชื่อของเจ้าพนักงานออกบัตร และการตรวจสอบหลักฐานรายการบัตรเดิม ดำเนินการด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทั้งสิ้น การให้บริการจัดทำบัตรระบบใหม่ด้วยคอมพิวเตอร์นั้น ได้ดำเนินการในรูปแบบของการตั่งศูนย์คอมพิวเตอร์ภาค จำนวน 9 ภาค เพื่อควบคุมและดูแลระบบการดำเนินงานของสำนักทะเบียนทุกแห่งทั่วประเทศ
บัตรประจำตัวประชาชนรุ่นที่ 5 : บัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) บัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงต์ หรือบัตร Smart Card เกิดขึ้นจาดคณะกรรมการ ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดทำบัตรประจตัวประชาชนด้วยระบบ อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ประชาชนมีบัตรหลักบัตรเดี่ยวในการขอรับบริการจากรัฐ (e-Citizen)
ทำไมต้องเป็นบัตร Smart Card กรมการปกครอง ได้ออกบัตรประจำตัวประชาชนเป็นแบบแถบแม่เหล็กมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เห็นว่าปัจจุบันเทคโนโลยี บัตรพลาสติกมีการพัฒนาที่กรมการปกตรอง กระทรวงมหาดไทย เลือกใช้เป็นเทคโนโลยีชนิด Contact Smart Cards ซึ่งจะต้องใช้คู่กับเครื่องอ่านบัตร (Smart Card Reader) วิวัฒนาการบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) กรมการปกครอง ได้ออกบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ให้กับคนไทยที่มีอายุครบ ๗ ปีบริบูรณ์ทั่วประเทศแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 5 รุ่น
การใช้งานและการใช้ประโยชน์จากบัตร
กรมการปกครอง ได้ประกาศ กำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนใช้โปรแกรมสำหรับการอ่านข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชน เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2552 เพื่อให้ภาครัฐและเอกชนได้ใช้ประโยชน์จากบัตรประจำตัวประชาชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงในการใช้ประโยชน์จากบัตรแล้วจำนวน 111 หน่วนงาน ( ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 )
วิธีในการอ่านข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart Card จะต้องประกอป อุปกรณ์และซอฟแวร์ที่เกี่ยวข้องดังนี้
ที่มา : http://stat.bora.dopa.go.th/card/card1.htm